หน้าหลัก |
ประวัติความเป็นมา สนง. คณะกรรมการฯ |
|
|
ประวัติความเป็นมา สนง. คณะกรรมการฯ
|
จากประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่คนแรกถึงปัจจุบัน
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ภายใต้พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการศาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลามจังหวัดกระบี่ ได้มีประธานคณะกรรมการอิสลามคนแรกที่มีนามว่า ฮัจญีว่าเหตุ กิ่งเล็ก มีคณะกรรมการอิสลาม ๑๕ คน โดยมีนายเกษม ศาสนโสภา เป็นเลขานุการ ในช่วงเวลานั้นจังหวัดกระบี่มีมัสยิดประมาณ ๗๐ มัสยิด บางส่วนใช้ชื่อว่าสุเหร่า ครั้นเมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๐ รัฐบาลในสมัยนั้น ได้ตราพระราช บัญญัติมัสยิดอิสลามขึ้น ทำให้สุเหร่าทั้งหมดเปลี่ยนมาใช้ชื่อมัสยิด ต่อมานายเกษม ศาสนโสภา ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮ. คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ในขณะนั้นได้แต่งตั้งให้ อาจารย์บาเหรน หัวแหลม เป็นเลขานุการแทนนายเกษม ศาสนโสภา ซึ่งได้ใช้มัสยิดบ้านนานอก ตำบลกระบี่น้อย เป็นศูนย์กลางในการประชุม มีนักวิชาการคนสำคัญๆเข้าร่วมในคณะกรรมการชุดนั้น เช่นอาจารย์ฮัจยีอิบรอเหม พยายาม อาจารย์อับดุลเลาะห์ กระเสมสันต์ อาจารย์ฮัจยีส้าเหรบ กะสิรักษ์ อาจารย์อับดลหล้า ไร่ใหญ่ อาจารย์วรรลภ กุลมาศ อาจารย์อับดุลมาเล็ก เริงสมุทรอาจารย์ห้าหรน บุญชู ซึ่งบุคคลสำคัญเหล่านี้ได้มีความเสียสละเป็นอย่างมากในการรับใช้สังคมมุสลิม แม้ว่าการสื่อสารและการคมนาคมจะไม่ทันสมัยเหมือนอย่างในยุคปัจจุบัน ก็ไม่ได้ทำให้ปูชนียบุคคลเหล่านั้นย่อท้อในการปฏิบัติหน้าที่แต่ประการใด ปูชนียบุคคลเหล่านั้นมีความตั้งใจเพียงอย่างเดียว คือจะต้องรังสรรค์และพิทักษ์ไว้และถ่ายทอดความเป็นมุสลิมที่มีจิตวิญญาณมาสู่ชนรุ่นหลังให้จงได้
ปี พ.ศ.๒๔๙๘ อาจารย์บาเหรนได้ลาออกจากเลขานุการ คณะกรรมการอิสลาม เนื่องจากมีปัญหาทางสุขภาพ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ชุดนั้นได้มีมติโดยการชูรอให้นายแอ กิ่งเล็ก ดำรงตำแหน่งเลขานุการแทนอาจารย์ บาเหรนที่ลาออกไป ซึ่งก่อนหน้านั้นนายแอ กิ่งเล็ก ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๓ บ้านคลองแห้ง รู้จักกันในนามผู้ใหญ่แอ ตลอดระยะเวลาที่นายแอ กิ่งเล็ก เป็นเลขานุการนั้น ท่านได้ทุ่มเทในการทำงานอย่างจริงจังและด้วยความเสียสละ ดูแลอย่างทั่วถึงทำให้มีมัสยิดในจังหวัดกระบี่ เพิ่มขึ้นจาก ๗๐ มัสยิดมาเป็น ๘๗ มัสยิด ประธานฮัจยีว่าเหตุ กิ่งเล็ก เป็นบุคคลที่เป็นนักต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความขัดแย้งระหว่างคณะเก่ากับคณะใหม่ ให้จบลงด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกันเกิดความสามัคคีขึ้นในสังคมมุสลิม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ ประธานฮัจยีว่าเหตุ กิ่งเล็ก ในวัย ๘๒ ปีก็ ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮ. คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ได้มีมติโดยการชูรอให้นายแอ กิ่งเล็ก หลานชายของฮัจยีว่าเหตุ กิ่งเล็ก ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ เป็นต้นมา และผู้ที่มาดำรงตำแหน่งเลขานุการก็คือนายอัสนาวี มุคุระ ในวันที่ท่านฮัจยีแอ กิ่งเล็ก ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานนั้น มัสยิดในจังหวัดกระบี่มีจำนวน ๘๗ มัสยิด
ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้ตราพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม ๒๕๔๐ ขึ้น และได้มีการคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามใหม่ทั้งหมดทั่วประเทศในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒ ท่านฮัจยีแอ กิ่งเล็ก ก็ยังคงได้รับความไว้วางใจจากอิหม่าม ให้ดำรงตำแหน่งประธานมาโดยตลอด และในปี พ.ศ.๒๕๔๘ มีการคัดเลือกคณะกรรมการชุดใหม่แทนชุดเก่าที่หมดวาระไป ท่านฮัจยีแอ กิ่งเล็กก็ยังคงได้รับการไว้วางใจ ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอิสลามอีก ผลงานที่เด่นมากที่สุด คือท่านได้นำพาชาวมุสลิมในจังหวัดกระบี่ร่วมกันสร้างมัสยิดกลางของจังหวัดกระบี่ได้สำเร็จ ซึ่งมัสยิดกลางประจำจังหวัดกระบี่ได้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องมุสลิมในจังหวัดกระบี่อย่างน่าภาคภูมิใจยิ่ง ผลงานอีกประการหนึ่งที่ทำให้บุคคลรับรู้กันทั่วทั้งในจังหวัดกระบี่และระดับประเทศทั้งในและต่างประเทศ คืองานเมาว์ลิดกลางจังหวัดกระบี่ ท่านฮัจยีแอ กิ่งเล็ก มุ่งมั่นทำงานเพื่อพี่น้องมุสลิมด้วยความเสียสละ ทำให้มัสยิดในจังหวัดกระบี่เพิ่มขึ้น เป็น ๑๘๓ หลัง และท่านได้รณณรงค์ให้มีการเรียนการสอนฟัรดูอีน และจัดตั้งศูนย์อบรมจริยธรรมและคุณธรรมประจำมัสยิด ทั่วทุกมัสยิด ท่านฮัจยีแอ กิ่งเล็ก ได้กล่าวด้วยความแน่วแน่ว่า "กระผมมีความตั้งใจให้จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์รวมแห่งการศึกษาในฝั่งอันดามันให้จงได้"
วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ วาระแห่งการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด กระบี่ก็ได้ หมดวาระลง จังหวัดกระบี่ นำโดยท่านประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งให้จัดการคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามชุดใหม่ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งการคัดเลือกครั้งนี้ฮัจยีแอ กิ่งเล็ก มีปัญหาทางสุขภาพร่างกาย ท่านจึงไม่ลงคัดเลือกในครั้งนี้ เมื่อผลการคัดเลือกวันที่ ๒๔ ได้ออกมาอย่างเป็นทางการ ท่านยัจยีอัสนาวี มุคุระ ก็ได้รับการคัดเลือก ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่แทน ฮัจยีแอ กิ่งเล็ก โดยมีนายสุนทร สีหมุ่น ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการ"กระผมในฐานะประธานคณะกรรมการอิสลามคนปัจจุบันและคณะ จะทำงานต่างๆสำเร็จได้นั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนไม่มีองค์กรใดที่จะทำงานโดยลำพังได้ หากขาดความร่วมมือร่วมใจจากท่าน แน่นอนงานทุกอย่างก็จะล้มเหลว" นั่นคือประโยคแรกที่ท่านฮัจยีอัสนาวี มุคุระได้กล่าวหลังจากที่ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ ผลงานของคณะกรรมการอิสลามชุดปัจจุบันจะเป็นที่ยอมรับของพี่น้องหรือไม่นั้นรอพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ |
|
|
|
|